สถานที่ท่องเที่ยวที่ขอมาแนะนำให้ทุกท่านได้รู้จักกันในบทความนี้ บอกเลยว่า Unseen Thailand อีกเช่นเคย เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบความสูง และวิวธรรมชาติสุดตระการตาโดยเฉพาะ และเชื่อว่าหลายคนก็น่าจะเคยได้ยินชื่อเสียงของที่นี่มาบ้างแล้วอย่างแน่นอน ไม่มากก็น้อย เพราะที่นี่ คือ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ณ ดินแดนใต้สุดสยาม แห่งอำเภอเบตง จังหวัดยะลา หนึ่งในจุดชมวิวทะเลหมอกที่สวยที่สุดของประเทศไทย ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวทยอยมาสัมผัสบรรยากาศทะเลหมอกอย่างล้นหลาม ซึ่งจุดเด่นของทะเลหมอกอัยเยอร์เวง ที่ใครต่างกล่าวถึง ก็คือ สกายวอล์ค 6 ชั้น ทุกคนที่ได้ลองมาเที่ยว ล้วนคาดไม่ถึงว่าภาคใต้ก็มีวิวดีๆ สวยๆ แบบนี้ นึกว่ายืนอยู่ท่ามกลางดอยบนภาคเหนือเสียอีก
ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จุดชมวิวทะเลหมอกสุด Unseen ที่ต้องมาเยือนให้ได้สักครั้งในชีวิตนี้ ถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในฝันของใครหลายคน และไม่ว่าใครเมื่อมีโอกาสได้มาแล้ว ก็จะพบกับกลุ่มทะเลหมอกที่ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ วิวทิวทัศน์อันน่าตื่นตาตื่นใจ รายล้อมไปด้วยธรรมชาติอันสวยสดงดงาม ผืนป่าขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ สีเขียวขจีทั้งแผ่น โดยทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จะตั้งอยู่ในเขตพื้นที่ของเขาไมโครเวฟ กิโลเมตรที่ 32 ตำบลอัยเยอร์เวง อำเภอเบตง จังหวัดยะลา มีความสูงจากระดับน้ำทะเล 2,038 เมตร ทะเลหมอกที่แห่งนี้ มีนักท่องเที่ยวได้ชื่นชมความสวยงามตลอด ไม่จำกัดว่าจะต้องหน้าหนาวเท่านั้น หน้าร้อนยังมีให้ชม แถมความงดงามก็แทบไม่ต่างจากหน้าหนาวเลย
ไฮไลท์สำคัญของ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง จะอยู่ที่ สกายวอล์คสูง แบบหอคอย มีจำนวนทั้งหมด 6 ชั้นด้วยกัน เป็นจุดที่ให้นักท่องเที่ยวได้ขึ้นไปชมวิวทะเลหมอก โดยแต่ละชั้นจะมองเห็นบรรยากาศวิวที่แตกต่างกันออกไป มีลิฟต์ขึ้น-ลงระหว่างชั้นบริการด้วย สกายวอร์คที่สามารถชมวิวได้ชัดเจน จะเริ่มตั้งแต่ชั้น 3 ขึ้นไป สำหรับชั้น 4-6 เป็นจุดชมวิวที่มีระเบียงยื่นออกมานิดหน่อย พร้อมกับมีแผ่นสี่เหลี่ยมกระจกยกสูงกั้นเพื่อความปลอดภัย ส่วนชั้น 3 นี่ ถือว่าเป็นอะไรที่พิเศษกว่าชั้นอื่นๆ เนื่องจากมีทางเดินทอดยาวยื่นออกไปไกลหลายเมตร พอสุดปลายทางจะเป็นระเบียงกระจกใสรูปวงกลมลอยฟ้า ให้เราสามารถชมวิวทะเลหมอกได้อย่างใกล้ชิด พร้อมสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้า ท่ามกลางธรรมชาติได้อย่างเต็มปอด การันตีว่านี่คือหนึ่งในจุดชมวิวทะเลหมอกที่สุดในประเทศไทยอย่างแน่นอน
สำหรับช่วงที่เหมาะแก่การมาชม ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง แนะนำว่าควรมาในช่วงเช้าตรู่ราวๆ ตี 5 กว่าๆ หรือสักประมาณ 6.00 น. – 06.30 น. เพราะเวลาดังกล่าวนอกจากจะได้ชมทะเลหมอกที่งดงามและ ก็ยังได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าด้วย แต่หลังจากนั้น ทะเลหมอกก็ยังคงมีให้เห็นไปอีกสักพักใหญ่ๆ กว่าจะหมดก็ประมาณ 08.00 น. กว่าๆ เลย ที่สำคัญการจะขึ้นสกายวอล์คต้องเปลี่ยนเป็นรองเท้าผ้า (คู่ละ 30 บาท) ที่เขาจัดให้ก่อน เนื่องจากตัวสกายวอล์คเป็นกระจกใส หากใส่รองเท้ามีน้ำหนักไปเดินก็จะเป็นอะไรที่ไม่เหมาะนั่นเอง สำหรับการเดินทางมา ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง สามารถพารถยนต์ส่วนตัวมาได้เลย เมื่อมาถึงก็ต้องจอดรถไว้ลานจอดรถด้านล่าง จากนั้นก็นั่งรถสองแถวหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่จอดให้บริการอยู่ขึ้นไปยัง จุดชมวิวสกายวอล์ค ราคาค่าบริการอยู่ที่ 20 บาทต่อคน และทั้งหมดนี่ก็คือ ทะเลหมอกอัยเยอร์เวง อีกหนึ่งสถานที่สุด Unseen ในประเทศไทย ที่ไม่ควรพลาดเลยด้วยประการทั้งปวง วันหยุดนี้ใครยังไม่ทราบจะไปเที่ยวไหน ก็วางแผน แพ็คกระเป๋า ถือกล้อง มาเก็บภาพ สัมผัสบรรยากาศทะเลหมอก แห่งใต้สุดแดนสยามแห่งนี้กันดู แล้วเชื่อเลยว่าท่านต้องได้รับความสุขแบบล้นๆ กลับบ้านไปเต็มๆ จนอยากกลับมาอีกรอบก็เป็นได้
Tidroam วันนี้จะขอแนะนำสถานที่ท่องเที่ยวใกล้กทมขับรถแค่ไม่กี่ชั่วโมงก็ได้เที่ยวแบบชิลล์แล้วพักผ่อนแบบธรรมชาติที่หาจากที่ไหนไม่ได้แล้วนั่นก็คือ ตลาดน้ำอัมพวา มาที่นี่เที่ยวครบไม่ว่าจะเป็นนั่งเรือไปไหว้พระตามวัดต่างๆหรือจะหาของอร่อยๆทานเพราะที่นี่ทั้ง 2 ฝากฝั่งจะมีแม่ค้าพายเรือมาขายของกินเยอะมากซื้อกินหรือจะนั่งกินที่ร้านแบบฟินสัมผัสบรรยากาศริมคลองลมพัดเย็นๆได้ฟิวแบบธรรมชาติสุดๆ มาเที่ยวอัพวา ก็ต้องไม่พลาดกับการล่องเรือแม่น้ำแม่กลองชมหิ่งห้อยยามค่ำคืน มาเที่ยวอัมพวาสิ่งที่ไม่ควรพลาด การนั่งเรือไหว้พระ 5 วัดในอัมพวาสามารถทำได้ทุกวัน ไม่เฉพาะแค่เสาร์-อาทิตย์เท่านั้นการเดินทางเที่ยวอัมพวาทางเรือนั่น เป็นกิจกรรมที่นิยมกิจกรรมหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวอัมพวา หากเหมาลำ ราคาตะอยู่ที่ประมาณลำละ 300-500 บาท (แล้วแต่ท่าเรือ) นั่งได้ ไม่เกิน 10 คน เกิน10 คน คิดในราคาคนละ 50 บาท โดยเรือจะพาไปเที่ยวไหว้พระ ที่วัดต่าง ๆ ประมาณ4-5 วัดดังนี้ วัดบางกุ้ง วัดบางแคน้อย วัดบางแค่ใหญ่ วัดภุมรินทร์กุฎีทอง วัดอัมพวัน เป็นต้น สำหรับยามเย็นที่ตลาดน้ำอัมพวาก็จะมีกิจกรรมนั่งเรือไปชมหิ่งห้อย เราจะได้เห็นวิถีชาวบ้านและดูหิ่งห้อยไปด้วยค่าบริการคนละ 60 บาท ใช้เวลาประมาณชั่วโมงกว่าเรียกได้ว่าคุ้มค่ากับเงินที่เสียเพราะจะได้สัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดกันไปเลย หลังจากล่องเรือเสร็จก็มาเดินเล่นตลาดน้ำอัมพวายามค่ำคืนก็จะได้เห็นบรรยากาศทั้งกลางวันและกลางคืนสวยไปอีกแบบ FacebookFacebookXXLINELine
ต้องยอมรับเลยว่าหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทย และชาวต่างประเทศ คือการเดินทางไปท่องเที่ยวชมวัดชมวัง เนื่องจากเป็นสถานที่ท่องเที่ยวอันเลื่องชื่อของเมืองไทย ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในระดับโลก ซึ่งแน่นอนว่า วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว ย่อมต้องติดโผด้วยเช่นกัน เพราะสถานที่แห่งดังกล่าวมีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก ทั้งในแง่ของสถาปัตยกรรม และประวัติศาสตร์อันยาวนาน ทางเราจึงอยากพาทุกคนมาทำความรู้จักกับสถานที่แห่งนี้กันสักหน่อย รับรองเลยว่าคุณจะต้องอยากเดินทางมาเยี่ยมเยือนที่นี่เป็นแน่ กระทั่งอาจจะอดใจรอวันหยุดยาวในช่วงเทศกาลไม่ไหว ต้องรีบเดินทางมาในวันหยุดสุดสัปดาห์เลยด้วยซ้ำไป ดังนั้นอย่ามัวรอช้าอยู่เลยจะดีกว่า รีบมาทำความรู้จักกับ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ไปด้วยกันเดี๋ยวนี้เลย หากพูดถึงชื่อของ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือ วัดพระแก้ว เชื่อว่าคนไทยส่วนใหญ่น่าจะมีความรู้จักคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะเป็นหนึ่งในวัดคู่บ้านคู่เมืองของประเทศไทยมาอย่างช้านาน สำหรับในยุคปัจจุบันจะเน้นใช้งานเกี่ยวกับการจัดพระราชพิธีต่างๆ เป็นหลัก โดยจากการอ้างอิงพบว่ามีการก่อสร้างอย่างเป็นทางการมาตั้งแต่การสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์ ซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปี พ.ศ.2325 กล่าวคือตรงกับรัชสมัยของรัชกาลที่ 1 ส่วนสถานะของวัดแห่งดังกล่าวนั้น จะถูกจัดให้เป็นวัดในพระบรมมหาราชวัง เหมือนกับ วัดพระศรีสรรเพชญ์ ที่ถูกก่อสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยวัดทั้ง 2 แห่งที่กล่าวมาในข้างต้น ถือว่าเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ซึ่งควรค่าแก่การทำนุบำรุงเอาไว้ เพื่อให้คนรุ่นหลังๆ ได้เห็นถึงสถาปัตยกรรมอันงดงามยิ่งใหญ่เช่นนี้ต่อไป แน่นอนว่าด้วยความที่ วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เป็นสถานที่สำคัญของประเทศไทยมาตั้งแต่อดีต จึงมีการทำนุบำรุงอยู่เสมอมา โดยความงดงามของตัววัดนั้น แทบจะไม่ต่างไปจากในยุคอดีตเลยก็ว่าได้ แถมในปัจจุบันยังมีการตกแต่งสนามหญ้าให้เข้ากับยุคสมัยมากขึ้นอีกด้วย จนกลายเป็นแหล่งรวมตัวของนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกภูมิภาค […]
สถานที่ท่องเที่ยว ancient city ที่ได้รับขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก story history ที่ยาวนาน และความงดงามทาง art architecture ที่แฝงถึงประเพณี และวัฒนธรรมอันเก่าแก่ และความมีเอกลักษณ์แตกต่างกันของแต่ละพื้นที่ ดังนี้ พุกาม ประเทศเมียนมา ดินแดนทะเลเจดีย์ เป็น ancient city และได้รับการรับรองจาก organization unesco ให้เป็นแหล่งมรดกโลก ประจำปี 2019 ตั้งอยู่ในภาค Mandalay Myanmar เป็นอาณาจักรแห่งแรกใน history Myanmar เป็นเมืองเก่าแก่ตั้งแต่ในช่วงยุคทองระหว่างศตวรรษที่ 11 – 13 พุกาม นับว่าเป็นอาณาจักรที่ร่ำรวยมาก สันนิษฐานว่ายุคแห่งความรุ่งเรืองนั้นมี Pagoda นับหมื่นองค์ จากผลของสงคราม และภัยธรรมชาติ จนเหลือแค่ราว 2,000 องค์ ในปัจจุบัน ซึ่งเป็นสัดส่วนเพียงน้อยนิด แต่ถ้าเทียบอายุ และขนาดซากที่เห็น ก็นับว่ายิ่งใหญ่อลังการชวนให้นึกถึงความรุ่งเรืองในยุคนั้น pagoda แห่งแรกของพุกาม คือ Shwezigon […]