รีวิวสถานที่ท่องเที่ยว

แบกเป้ ตะลุยเขาโหด พิชิตยอดเขาภูสอยดาว

ภูสอยดาว เป็นอีกหนึ่งทริปที่ควรจดไว้ในลิสต์ เพราะสถานที่ท่องเที่ยงแห่งนี้คือเป็นอีกหนึ่งของความสวยงาม และขึ้นชื่ออย่างมากในเรื่องขาง ป่าสน หมอก ดาว และทางช้างเผือก ที่สามารถมองเห็นดาวทั้งหมดบนท้องฟ้าได้ด้วยตาเปล่าโดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์เสริมใดๆ ทั้งสิ้น อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว ตั้งอยู่ที่ ตำบลห้วยมุ่น อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ โดยภูสอยดาวมีความสูงอยู่ที่ 2,102 เมตร และมีเนื้อที่ประมาณ 212,633 ไร่ หรือ 340.21 ตารางกิโลเมตร หากราที่จะเดินทางไปยังสถานที่ดังกล่าง แนะนำว่าคุณต้องมาเวลามากพอหรืออย่างต่ำ 3 วัน 2 คืน ในการขึ้นและลงเขาลูกนี้ ในส่วนของการเดินทางไปนั้นไม่ได้ยากอย่างที่คิด หากเดินทางด้วยรถส่วนตัวให้ตั้ง MAP แล้วขับตาม GPS ไปได้เลย ไม่มีหลงทางแน่นอน แต่ถ้าหากใครไม่มีรถส่วนตัวจึงประเป็นต้องเดินทางด้วยรถโดยสารวิธีแรกคุณจะต้องนั่งไปลง บ.ข.ส พิษณุโลก แล้วเหมารถต่อจนไปถึงจุดหมายโดยใช้ระยะทางประมาณ 170 กิโล หรือวิธีที่สองนั่งรถโดยสารไปลง บ.ข.ส พิษณุโลก แล้วต่อรถไปลงอำเภอชาติตระการ จากนั้นให้คุฯติดต่อเจ้าหน้าที่อุทยานมารับไปยังจุดหมาย

แต่สำหรับใครที่อยากนั่งรถไฟไปก็ไม่เสียหายจะแต่เสียเวลานิดหน่อย เมื่อถึง อุทยานแห่งชาติภูสอยดาว จะมีค่าบริการแรกเข้าจำนวน 40 บาท และค่ามัดจำขยะอีกในราคา 100 รวมทั้งหมดก่อนเข้าที่เราจะต้องเสียนั้นเป็นจำนวน 140 บาท และทางอุทยานยังมีบริการลูกหาบไว้ค่อยดูแลสัมภาระอีกด้วย โดยคิดค่าบริการแค่กิโลละ 30 บาท เท่านั้นถูกว่าถูกมากๆ หลักจากที่เดินขึ้นมาได้สักพักเป็นระยะทางเกือบ 4-5 ลิโลก็จะพบกับเนินมรณะจุดชมวิวที่สวยงามหรือดั่งชื่อเลย รอบๆ จะเต็มไปด้วยหมอกที่สวยงาม อีกทั้งยังได้บรรยากาศที่หนาวเย็นสุดประทับใจ ในจุดนี้ทุกคนสามารถหยุดพักเหนื่อยได้นั่งทานข้าวชิลๆ พร้อมกับบรรยากาศสุดฟิน หลักจากหายเหนื่อยแล้วพร้อมเดินทางต่อไปยังจุดชมวิวที่สวยกว่าเดิม

ก็ได้เวลาจัดการหาพื้นที่ตั้งเต็นท์และเตรียมอาหารเย็นและดื่มด่ำกับบรรยากาศที่มีดวงดาวเต็มท้องฟ้า กว่าจะมาถึงจุดหมายก็เกือบมืด การเดินทางของวันแรกเป็นอะไรที่เหมือนมากๆ แต่ก็คุ้มค่าแก่การมา พอตกเย็นอากาศก็เริ่มหนาวขึ้นเรื่อยๆ เกือบ 14 องศา และแน่นอนว่าค่ำคืนกับบรรยากาศสุดหนาวนั้นก็เต็มไปด้วยดวงดาวที่สวยงาม ตื่นเช้าในวันที่ 2 กับฟ้าที่โปร่ง สดใส กับการเตรียมกับการเดินทางต่อไปยังจุดสูงสุด ที่ความสูง 2,102 เมตร คร่าวนี้จะเสียเงินในการเตรียมตัวคนละ 500 บาท แต่สิ่งที่เราจะได้จากเจ้าหน้าที่คืออุปกรณ์เพื่อความปลอดภัย ได้แก่ หมวกนิรภัย ถุงมือ และเชือก สุดท้ายคือต้องเชื่อฟังเจ้าหน้าที่อุทยานอย่างเคร่งครัดเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ

หลักจากเดินทางออกมาได้เกือบ 2 กิโล ก็จะเริ่มเข้าสู่โซนป่า ที่ทางเดินค่อนข้างที่จะลำบาก เนื่องจากทางเดินนั้นชันและชื่นมาก แนะนำให้จับเชือกไว้ตลอดทางเพื่อความปลอดภัยสูงสุด ตลอดหารเดินทางขึ้นเขานั้นจะมีเจ้าหน้าดูแลตลอดไม่ต้องกังวล จากนั้นเดินทางต่อไปยังจุดที่ชันที่สุดคือ 90 องศาด้านสุดท้ายนี้เป็นอะไรที่ยากลำบากที่สุดและอันตรายที่สุดของการที่จะพิชิตยอดเขา หลักจากที่ผ่านช่วงนั้นมาได้ก็ถึงจุดสุดยอด 2,102 เมตร ถึงที่สำคัญที่สุดของการพิชิตยอดเขาคือการถ่ายรูปไว้เป็นที่ละลึกว่าครั้งหนึ่งในชีวิตเราได้มาถึงจุดที่สูงที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของประเทศไทย สุดท้ายหลังจากจบภารกิจพิชิตยอดเขาคุณก็จะได้รับประกาศนียบัตรจากอุทยานไว้เป็นเรื่องประดับความเก่งของตัวเองอีกด้วย