วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร วันหยุดแบบนี้คนกรุงเทพที่ไม่ได้อยากไปเที่ยวไหนไกล เราแนะนำว่า ไปเที่ยววัดทำบุญเสริมดวง โชคชะตากันดีกว่า วัดในกรุงเทพ ไม่ได้มีแต่เรื่องของบุญบารมีเท่านั้น ยังมีเรื่องของประวัติศาสตร์ด้วย อย่างเช่น วัดนี้ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร อีกหนึ่งวัดที่มีทั้งความสวย ประวัติศาสตร์ ทุกอย่างรวมอยู่ที่นี่
วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ข้อมูลเบื้องต้น
ชื่อสามัญ วัดราชบพิธ ตั้งอยู่ที่ 2 ถนนเฟื่องนคร แขวงวัดราชบพิธ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร จัดว่าเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เป็นวัดนิกายธรรมยุติกนิกาย เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันก็คือ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ (อัมพร อมพโร) เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.00-13.00น.
การเดินทางไปวัด เราแนะนำว่าสามารถไปได้ทั้งขนส่งสาธารณะและขับรถไปเอง หากไปสาธารณะ ให้นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินสายเฉลิมรัชมงคล MRT Blue Line หรือใครจะนั่งรถประจำทาง ก็นั่ง 123 / 2 / 33 / ปอ.43 / ปอ.507 / 64 / 9 ส่วนใครที่จะขับรถไปเอง เราตั้งจุดใน google maps ได้เลย แนะนำว่าให้ข้ามไปจอดฝั่งวัดราชประดิษฐ์สถิตมหาสีมาราม ใกล้อนุสาวรีย์หมู แล้วก็เสียค่าจอด 40 บาท จอดได้ทั้งวัน แล้วก็ข้ามฝั่งมาเดินชมวัดจะสะดวกกว่า ไม่แนะนำให้จอดเทียบฝั่ง เพราะว่ารถเยอะ แถมกว่าจะวนหาที่จอดได้ค่อนข้างนาน
ประวัติ
วัดแห่งนี้ถือว่าเป็นวัดที่มีประวัติมาอย่างยาวนานมาก สร้างขึ้นครั้งแรกเมื่อปี 2412 สมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ซึ่งสร้างเป็นวัดประจำรัชกาล โดยวัดนี้นับตามผู้สร้างก็คือพระเจ้าแผ่นดิน ก็เลยได้ชื่อว่า วัดราชบพิธสถิตมหาสีมาราม เดิมทีวัดแห่งนี้เป็นที่ตั้งวัง แล้วก็ได้มีการขอซื้อที่ดิน เพื่อสร้างเป็นวัดตามความเชื่อ เมื่อสร้างเสร็จก็ได้นิมนต์พระสงฆ์จากวัดโสมนัสราชวรวิหาร มาจำพรรษา พร้อมกับอัญเชิญ พระนิรันตราย มาประดิษฐาน
อีกหนึ่งเกร็ดความรู้ นอกจากจะเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๕ แล้วยังเป็นวัดประจำรัชกาลที่ ๗ ด้วย เนื่องจากท่านได้รับมอบหมายให้บูรณะวัดแห่งนี้ จึงเลือกที่จะบูรณวัด แล้วก็สถาปนาวัดนี้เป็นวัดประจำรัชกาลไปในคราวเดียวกันเลย วัดวชิรธรรมสาธิตวรวิหาร
รีวิว
ต้องยอมรับว่า พอก้าวเท้าเข้ามาที่วัดแห่งนี้ เรารู้สึกได้ถึงความสงบที่แทบจะไม่ได้ยินเสียงอะไรเลยภายในวัด ยกเว้นได้ยินเสียงสวดมนต์บ้างที่ลอยมาแบบแว่วๆ เท่านั้นเอง จุดท่องเที่ยวแห่งแรกก็คือ สุสานหลวง ที่มีที่เดียวในประเทศไทย โดยแต่ละสกุลก็จะตกแต่งสุสานของตัวเองตามสไตล์แตกต่างกันไป สไตล์ขอม สไตล์ตะวันตก สไตล์ไทย พร้อมทั้งบอกชื่อสกุลด้วย อันนี้เป็นการเสริมความรู้ทางประวัติศาสตร์ได้เหมือนกัน
หลังจากเดินผ่านสุสานหลวง เราก็จะได้เจอกับ พระอุโบสถที่มีความแตกต่างตรงที่นำศิลปะไทย ขอมโบราณ และตะวันตก มาผสมกันแบบลงตัวมาก จิตรกรรมฝาผนังที่เป็นพุทธประวัติ เพดานที่ตกแต่งด้วยเครือเถาสีทอง และการตกแต่งที่วิจิตรมากแบบหาที่ใดเปรียบไม่ได้เลย
เดินออกมาอีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ พระเจดีย์ของวัดนี้ ที่แตกต่างออกไป เนื่องจากเป็นแบบฐานทรงกลมด้านบนเป็นพระเจดีย์ รูปทรงระฆังประดับด้วยกระเบื้องเคลือบ ด้านเข้าไปด้านในจะเจอกับ พระพุทธรูปนาคปรก ตามแบบฉบับของขอมโบราณ และพระพุทธรูปอื่นอีก ซึ่งถือว่าเป็นปางที่หาดูได้ยากมาก ควรแค่แก่การสักการะอย่างมากทีเดียว
อย่างที่บอกไปว่า วัดแห่งนี้เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์มากมากย ซ่อนตัวอยู่ ใครที่ได้มาวัดนี้เราแนะนำว่าควรเผื่อเวลาไว้สัก 2-3 ชั่วโมงถึงจะเดินทั่ว