หากใครได้ขับรถไปไหนในกรุงเทพ เราจะเห็นสติ๊กเกอร์อันหนึ่งติดกันเยอะมากนั่นก็คือ สติ๊กเกอร์ที่เขียนว่า “วัดท่าไม้” หลายคนอาจจะเข้าใจว่าเป็นวัด แต่ว่ามันจะเป็นวัดอะไรที่ไหน หลายคนไม่รู้จักเลย รู้แต่ว่า วัดนี้ดังมากเท่านั้นเอง วันนี้เราจะมาแนะนำวัดแห่งนี้ที่นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ยังเป็นวัดดังที่มีญาติโยมแห่ศรัทธาเข้าไปทำบุญอย่างหลากหลายด้วย ใครไม่เคยไปต้องอ่านด้านล่างนี้
ข้อมูลส่วนตัว
วัดชื่อว่า วัดท่าไม้ ตั้งอยู่ที่ เลขที่ 51 หมู่ที่ 11 ตำบลท่าไม้ อำเภอกระทุ่มแบน จังหวัดสมุทรสาคร เป็นวัดประเภทวัดราษฎร์ นิกายมหานิกาย เจ้าอาวาสองค์ปัจจุบันก็คือ พระครูปลัดอุเทน สิริสาโร
ประวัติของวัดเล่าว่า วัดแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2532 แต่ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี 2537 โดยมีพระภิกษุยอด อุปติสโส เป็นผู้ริเริ่มในการพัฒนา แต่ว่าท่านกลับหายไปจากการจาริก นั่นทำให้วัดทรุดโทรม ทางวัดเลยได้ส่งพระประสิทธิ์ กิตติภทโท เข้ามาบูรณะต่อแทน จนกระทั่งมีการพัฒนาถึงปัจจุบัน
วัดท่าไม้ในปัจจุบัน
ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน วัดท่าไม้แห่งนี้ ถือว่าเป็นแหล่งศูนย์รวมจิตใจของลูกศิษย์ลูกหาที่มีอยู่ทั่วประเทศ เราจะเห็นว่าวัดนี้มีลูกศิษย์มากมายที่กระจายตัวทั่วประเทศ ไม่เท่านั้นวัดแห่งนี้ยังมีลูกศิษย์ชื่อดังมากมาย ไม่ว่าจะเป็น อั้ม พัชราภา, ณเดชน์ คูกิมิยะ , เคน ภูภูมิที่หากว่างเว้นจากการทำงาน ก็มักจะมาทำบุญไหว้พระ ขอพร รวมถึงช่วยกันทำทานช่วยเหลือวัดโดยไม่หวังผลตอบแทน อีกด้วย
นอกจากนี้วัดแห่งนี้ยังเป็นจุดที่กลายเป็นแลนด์มาร์คสำคัญของจังหวัดในการท่องเที่ยวอีกด้วย เพราะว่าวัดแห่งนี้มีจุดที่เราควรน่าจะไปสักการะมากมาย ทั้งทำเพื่อความสบายใจ และสเดาะเคราะห์ หากใครได้ไปรับรองว่าจะได้ทำบุญตั้งแต่ก้าวแรกเลย เนื่องจากเราจะได้เจอกับวัด ควาย ที่เราสามารถช่วยพวกมันไถ่ชีวิตด้วยแรง และกำลังศรัทธามากมาย เดินต่อมาเราจะได้เห็นความสวยงามของพระอุโบสถประจำวัด ที่ชื่อว่า พระอุโบสถมหาปรินิพพาน อุโบสถที่มีสถาปัตยกรรมทางภาคเหนือ บวกกับเสาหินอ่อนแกะสลักสวยงาม ตั้งเรียงราย เอาแค่การเดินรอบโบสถ์เพื่อดูสถาปัตยกรรมก็เป็นเรื่องเพลิดเพลิน และเป็นบุญตาอย่างมากแล้ว ก่อนจะเข้าโบสถ์เราจะได้รูปปั้นพญานาคสีทองอีกด้วย
เดินเข้าไปในพระอุโบสถ สิ่งแรกที่เราตะลึงก็คือ ด้านในเย็นมาก มีการวางระบบระบายอากาศอย่างดีทีเดียว แม้ว่าวันที่เราไปด้านนอกแดดจะร้อน และคนเยอะมาก แต่น่าแปลกที่เข้าไปในอุโบสถ อากาศกลับไม่ร้อนเลย ทำให้เรารู้สึกเย็นสบายจนเหมือนคำว่า หนีร้อนมาพึ่งเย็น พอนั่งได้สักพักเราได้สังเกตุการตกแต่งภายในที่สวยงามมาก ไม่ว่าจะเป็นงานจิตกรรมฝาผนังและเพดาน ที่ตกแต่งได้สวยงามมาก ไฮไลต์คงเป็นพระประธานด้านใน ที่เป็นพระพุทธชินราชจำลอง ขนาดหน้าตก 69 นิ้ว ไม่เท่านั้น ยังมีพระเชียงแสน พระสุโขทัย และพระอู่ทองอีกด้วย เรียกว่าไม่ต้องไปไกลถึงภาคเหนือ เราก็สามารถสักการะ ปิดทอง เพื่อไหว้สักการะได้เลย ดูขลัง และเต็มไปด้วยความศักดิ์สิทธิ์ที่บอกไม่ได้เหมือนกัน ต้องไปเอง แล้วถึงจะรู้สึกได้
เสร็จจากด้านบน อย่าเพิ่งออกไป เราแนะนำว่า ให้ลงไปด้านล่าง จะมีจุดให้เราลงไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อสะเดาะเคราห์ ขอพร เราแนะนำว่า เข้าไปด้านในเกือบสุด จะเห็นพระพิฆเนศ ประดิษฐานอยู่ เข้าไปขอพรกับท่านได้เลย เรื่องการงาน เค้าว่าศักดิ์สิทธิ์มาก อีกจุดที่ไม่ไกลจากตรงนั้นก็คือ ท่านพ่อท้าวมหาพรมหม ชินบัญชร ก่อนกลับอย่าลืมเข้าไปบูชาวัตถุมงคล มาเพื่อเอาไว้ กราบไหว้ขอพร