ตอนนี้ใกล้หน้าหนาวแล้ว เราแนะนำว่าให้เตรียมกล้อง อุปกรณ์ และนางแบบให้พร้อม ไปถ่ายภาพเก็บความประทับใจกันดีกว่า อีกหนึ่งแห่งที่เราแนะนำเลยว่ายังไงก็ควรไปให้ได้ ช่วงหน้าหนาวนี้ก็คือ เอเชียทีค จุดเช็คอิน จุดแลนด์มาร์คสำคัญประจำฤดูหนาวของคนกรุงเทพกันเลย ใครยังไม่ไปเดี๋ยวเรามาแนะนำกัน
ข้อมูลเบื้องต้น
เอเชียทีค เดิมทีเป็นท่าเรือ กับโกดังเก็บของ แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงทำให้ท่าเรือแห่งนี่เสื่อมความนิยมลงไป พร้อมกับการดำเนินธุรกิจท่าเรือที่จบลงด้วย ดังนั้นทางเจ้าของก็เลยมีการเปลี่ยนแปลงใหม่ปลุกเนรมิต ท่าเรือ ให้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยว เป็นประมาณ walking street แทน ซึ่งก็ได้รับเสียงตอบรับดีจากทั้งผู้ค้า และคนมาเที่ยว ที่มาแล้วประทับใจ
ปัจจุบัน เอเชียทีค เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 11.00 – 24.00 น. เราสามารถเดินทางไปได้ด้วยการนั่ง BTS ลงสถานีตากสินจากนั้นรอที่ท่าเรือ จะมีเรือรับส่งของเอเชียทีครอแป๊บเดียวถึงเลย ใครที่คิดจะขับรถไปเอง เราไม่แนะนำเลย เนื่องจากสถานที่จอดรถมีน้อย หรือใครจะไปฝากรถ ตอนไปฝากไม่เท่าไหร่ แต่ตอนออกจะยากมาก คนเยอะ รอนาน อาจจะทำให้เราหงุดหงิดได้เหมือนกัน ไปขนส่งสาธารณะสะดวกสุด
รีวิว
มารีวิวกันบ้างดีกว่า ตอนที่เราไปเป็นเวอร์ชั่นกลางคืน ไปถึงเอเชียทีค ช่วงประมาณ หกโมงเย็นพอดี ถือว่ากำลังเหมาะเลย คนยังไม่เยอะมากนัก เราชอบตรงที่แต่ละอาคารจะมีจุดเปิดไฟ พร้อมกับมุมถ่ายรูปที่ต้องใช้คำว่า เคลียร์เมม ให้พร้อม เพราะเราว่าจะได้ถ่ายรูปเกือบทุกมุมของที่นี่เลยทีเดียว อันนี้ชอบมากจริง ต่อมาเป็นร้านรวงที่เปิดในเอเชียทีค ก็ถือว่ากลับมากันเยอะแล้วจากช่วงโควิทที่ต้องปิดไป เราพุ่งไปหาโซนของกินรองท้องเติมพลังกันก่อน ราคาก็ไม่แพงมาก รสชาติก็โอเคกินได้
จากนั้นก็ไปเล่นก่อนเลย ไฮไลต์ของที่นี่ นั่นก็คือ ชิงช้าสวรรค์ยักษ์ ที่บอกเลยว่ามันฟินมาก ยิ่งใครมากับคู่รัก ก็ถือว่าเป็นโมเมนต์ที่ดี น่าจดจำมากทีเดียว การได้นั่งชิงช้าสวรรค์ มองแม่น้ำเจ้าพระยาและกรุงเทพทั้งสองฝั่งแบบมีแสงไฟระยิบระยับ เป็นภาพประทับใจแน่นอน เราเองขนาดไปคนเดียวยังฟินเลย แม้จะอิจฉาคู่ข้างหน้าก็ตามทีลงมาจากนั้นก็มีมุมเครื่องเล่นอีกพอสมควร ไม่ว่าจะเป็น บ้านผีสิง ที่เสียงกรี๊ดมาเต็มตลอด แล้วก็อีกหลายอันที่เราขอผ่านไปเดินเที่ยวดีกว่า
จากนั้นก็จะเป็นร้านค้า ที่เอาของมาขายกันซึ่งก็มีหลากหลาย ทั้งเสื้อผ้า เครื่องประดับ แต่เราชอบร้านที่เป็นงานศิลปะมากกว่า มันดูเรียล และเข้ากับธีมของที่นี่ที่เหมือนกับเป็นถนนศิลปะ เป็นอาร์ทแคมป์ แบบนี้ แม้ว่าไม่ได้ซื้ออะไรกลับมา แต่ก็ถือว่าได้เดินมองดูนั่นดูนี่เพลินตาเหมือนกัน ก่อนกลับเราไม่พลาดขอเดินชมวิวริมน้ำก่อนกลับพร้อมกับเก็บภาพประทับใจนิดหนึ่ง ตอนกลับเรานั่งเรือของที่นี่ ไปขึ้นรถไฟฟ้าเหมือนเดิม ก็ต้องยอมรับว่าคนขับเรือเค้าเก่งจริง ขับได้นิ่มมากแถมทำเวลาได้ดีทีเดียว
โดยรวมจัดว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยว ที่ต้องยอมรับเลยว่าใครเป็นสายถ่ายรูป สายคอนเทนต์ ต้องไปเที่ยวให้ได้สักครั้งหนึ่ง เนื่องจากที่นี่มุมถ่ายรูปเยอะมาก แถมสวยตั้งแต่กลางวันจนถึงกลางคืน เรามองว่าถ้าไปกลางวันแม้ว่าแดดจะร้อนมาก แต่ก็จะได้ภาพถ่ายที่สวยงาม (แต่เราต้องเตรียมเครื่องกันแดดไปด้วย ไม่งั้นเที่ยวไม่สนุก และอาจจะเป็นลมได้) ส่วนกลางคืน อย่าได้พลาด ชิงช้าสวรรค์เลย งานดีจริง หรือใครจะไปนั่งดื่มชิลๆ ชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา อันนี้ก็ดีเช่นกัน ลองลิสต์ที่นี่ไว้ช่วงปลายปีกันนะทุกคน